ต้นพิกุล ไม้หอมไทยโบราณมีชื่อติดอันดับต้นๆ ด้วยเอกลักษณ์ความหอมที่กล่าวกันว่า มีความหอมที่คงทน แม้จะทำเป็นดอกไม้แห้งกลิ่นก็ยังไม่หายไปไหน หอมแบบสดชื่น กลิ่นไม่แรงมาก และลักษณะของดอกที่สวยงาม ทำให้นิยมนำมาเป็นดอกไม้ไหว้พระ และนำดอกมาสกัดเป็นน้ำหอม หรือทำเป็นดอกไม้แห้งสำหรับทำเครื่องหอมแบบไทยๆ
ลักษณะและความสวยงามของ ต้นพิกุล
ไม้ไทยโบราณมีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องของกลิ่นหอม เป็นไม้ยืนต้นที่มีขนาดความสูงตั้งแต่ 8-15 เมตร ดอกมีสีขาวสวยแปลกตา เพราะลักษณะดอกจะออกได้ทั้งแบบเดี่ยว แบบกลุ่ม ทรงของดอกไม่เหมือนกับดอกไม้ทั่วไป กลีบมีลักษณะเล็กแหลมแบบปลายหอก มีประมาณ 8 กลีบจะเรียงเป็นคู่ ตรงกลางจะดอกจะมีลักษณะคล้ายดอกตูม ดูแปลกตากว่าดอกไม้ทั่วไป
ความนิยมของต้นพิกุลในปัจจุบัน
ความนิยมของต้นพิกุลในยุคนี้ถือว่านิยมกว่าสมัยก่อนมาก เพราะด้วยความสูงใหญ่โตของต้น จึงไม่ค่อยนิยมปลูกตามบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ปัจจุบันมีการตอนกิ่งจำหน่ายเป็นไม้ประดับปลูกในกระถาง ก็ทำให้คนรักต้นไม้สนใจซื้อมาปลูกกันมากขึ้น
เทคนิคการปลูกต้นพิกุล
วิธีการปลูกต้นพิกุล ไม่ยากแต่ดูแลให้แข็งแรง ออกดอกได้ตลอดนั้นก็ต้องมีเทคนิคการบ้าง ต้องใส่ใจกันสักนิด และต้องใจเย็นพอสมควร เพราะเป็นต้นไม้ที่โตช้ามาก ต้องให้ความสำคัญไม่ว่าจะเรื่องของแสงแดด น้ำ ดิน ปุ๋ย เรามีคำแนะนำมาฝาก
ดินที่เหมาะสม
ดินที่เหมาะกับการปลูกต้นไม้ชนิดนี้คือ ดินร่วนระบายน้ำได้ดีไม่ว่าจะเป็นการปลูกแบบลงดิน หรือแบบกระถาง
ความต้องการแสงแดด
ต้นไม้ชนิดนี้ทนแสงแดดได้ค่อนข้างดี หากลงดินเลือกบริเวณที่รับแสงได้เต็มที่ หากปลูกลงกระถางวางบริเวณที่โดนแดดได้มากที่สุด
วิธีการรดน้ำ
ความต้องการน้ำของต้นพิกุลอยู่ในระดับปานกลาง สามารถรดน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ทนแล้งได้
ชนิดและวิธีการใส่ปุ๋ยวิธีใส่ปุ๋ยต้นพิกุล
การใส่ปุ๋ยจะช่วยบำรุงให้ต้นแข็งแรง ออกดอกได้ตลอดเน้นการใช้ปุ๋ยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยมูลไส้เดือน หรือใช้ปุ๋ยเคมีสูตรบำรุงดอก บำรุงต้น โดยทิ้งระยะ 3-6 เดือนต่อการบำรุงหนึ่งครั้ง
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับต้นพิกุล
นอกจากเป็นต้นไม้โบราณแล้ว พิกุลมีอะไรน่าสนใจอีกบ้างไหม บอกเลยว่ามีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ หรือประโยชน์ของต้นและดอกพิกุล เรารวมรวบข้อมูลมาให้แล้ว
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นพิกุล
มีความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาว่าต้นพิกุลคือต้นไม้สวรรค์ เป็นต้นไม้ในสวนของพระอินทร์ คนโบราณจึงไม่นิยมปลูกตามบ้าน สมัยก่อนปลูกกันในวัด หรือในวัง และด้วยความสวยงามของดอกที่โดดเด่นจึงมีการนำมาออกแบบเป็นเครื่องประดับ หรือใช้ในพิธีมงคลต่างๆ รวมทั้งนิยมเก็บดอกสดมาใส่พานเล็กๆ ถวายพระบนหิ้ง บางตำราบอกว่าพกดอกพิกุลแห้งติดกระเป๋าเงินจะช่วยเสริมโชคลาภด้วย
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับต้นพิกุล
นอกจากกลิ่นหอมเย็นสดชื่นแล้ว พิกุลยังมีประโยชน์ทางยาสมุนไพรด้วย และที่น่าสนใจคือผลพิกุลสามารถทานได้ แต่ต้องเป็นผลสุกเท่านั้น ส่วนการนำส่วนต่างๆ มาทำยานั้นใช้ได้ทั้งใบ ดอก ราก เปลือก เช่น ดอกพิกุลใช้ทำยาบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ ส่วนใหญ่จะใช้ดอกแห้ง หรือ นำดอกสดมาทำเป็นชาดอกพิกุล หรือต้มกับน้ำใช้ดื่มแทนน้ำธรรมดา
ส่วนการใช้ประโยชน์ทางด้านอื่นๆ ที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยเช่น การทำเครื่องหอมจากดอกพิกุล หรือการสกัดกลิ่นของดอกทำเป็นน้ำหอม หรือแค่นำดอกมาใส่ในตู้เสื้อผ้าก็ให้กลิ่นหอมสดชื่นได้นาน
วิธีทำน้ำดอกพิกุล
- ดอกพิกุลสดประมาณ 20-30 ดอก (สามารถใช้ดอกที่ร่วงใต้ต้นได้)
- น้ำ 1 ลิตร
- ต้มน้ำให้เดือด
- ใส่ดอกพิกุลลงในน้ำแล้วปิดไฟ
- รอให้เย็นแล้วกรอกใส่ขวดแช่เย็น
วิธีทำชาดอกพิกุล (1แก้ว)
- ดอกพิกุล 5-10 ดอก ใส่ลงในแก้ว
- เทน้ำร้อนลงไป
- รอประมาณ 5-10 นาทีให้กลิ่นหอม
วิธีทำดอกพิกุลแห้ง
สามารถใช้วิธีง่ายๆ คือเก็บดอกจากต้น หรือเก็บดอกที่ร่วง นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำสักพัก หลังจากนั้นนำออกตากแดด ดอกแห้งสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเช่นใช้อบขนม, ทำน้ำปรุงแบบไทย, ทำน้ำหอม, ทำชาสำหรับดื่ม
ความนิยมของต้นพิกุล
แม้ว่าจะเป็นไม้ใหญ่ หรือมีเรื่องของความเชื่อ แต่ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้โรงแรม รีสอร์ท สวนสาธารณะ นิยมปลูกต้นพิกุลมากขึ้น รวมทั้งมีการปลูกแบบกระถางดูแลตัดแต่งง่าย เสริมความเป็นสิริมงคล และกลิ่นของดอกพิกุลช่วยเพิ่มความหอมให้กับบ้านด้วย
บทส่งท้าย
ต้นพิกุลไม้ไทยโบราณที่ควรอนุรักษ์ไว้ ไม่ใช่แค่มีประโยชน์หลายอย่าง แต่เป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับแผ่นดินไทยมานานไม่ควรให้สูญหายไป และด้วยเอกลักษณ์ของกลิ่นหอมที่ไม่มีดอกไม้ชนิดไหนหอมทนเท่าพิกุลก็ควรถูกนำมาพัฒนาเป็นกลิ่นน้ำหอม รวมทั้งการต่อยอดองค์ความรู้ในการใช้ดอกไม้หอมโบราณของไทยก็ควรพัฒนาและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ภูมิปัญหาท้องถิ่นไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา
ขอขอบคุณคลิปจาก แซม 1000 ไม้
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ wildmushrooms.ws